ประเดิมคอลัมน์ใหม่ ด้วยรถของสมาชิกที่มีแนวทางการแต่งรถในรูปแบบ Retro Style หลายคนรู้จักดีจากล้อซี่ลวด และของแต่งครบ ๆ จาก K.G.WORKS และเรากำลังจะพูดถึง ”นายเป้ phoenix” หรือที่เค้าเรียก (รถ) ตัวเองว่า Hell boy เจ้าตัวมีโอกาสชี้แจงถึงที่มาของชื่อและแนวทางการแต่งรถของเค้าด้วย สาเหตุที่ชื่อ Phoenix นั้นมาจากแรกเริ่มที่ได้รถมาจากเจ้าของเก่า (พี่อุ๊/ปตท.) สภาพเดิมมั่กมาก (แอบแซว) สีสันไม่ฉูดฉาดสวยงามเท่าไร(ตามอายุรถอ่ะนะ NA1.6 1992 ก็ 17 ย่าง 18 นี่ เอง) จึงทำการเพิ่มปมเด่น โหมประเคนของแต่ง ใส่ลงไปอย่างบ้าคลั่ง (สีรถไม่สวยแต่ของแต่งเพียบ) เรียกว่ากะทำรถให้หมดตัวกันไปเลย จนวันหนึ่งที่มีโอกาสพร้อมได้เอารถเข้าทำสี จึงจัดการเปลี่ยนบูชช่วงล่างและขอบยางต่างๆ เมื่อรถใกล้เสร็จเลยทำการขอเปลี่ยนชื่อ Log-in จาก Red_Bullet มาเป็น Phoenix เหมือนประหนึ่งเป็นการชุบชีวิตรถขึ้นมาใหม่ และบอกกล่าวที่มาของชื่อเรียกรถสุดรักว่า Hell boy เพราะ อุปนิสัยที่เป็นคน ปากเสีย พูดตรง และบ้า บ้า บอ บอ ของเค้าทำให้เค้าเลือกที่จะตั้งชื้อนี้ไว้ด่าตัวเอง (ด่าตัวเอง ดีกว่าให้คนอื่นมาด่านะ) ประกอบกับเจ้าตัวเล็กของเค้ามี 2 สี (แดงกับดำ) ซี่งไปเหมือนกับตัวการ์ตูน Hell Boy ที่เค้าชื่นชอบก็เลยลงตัวตามนั้น
แนวทางการแต่ง รถของนายเป้เล่าให้ฟังว่า เค้าโชคดีที่ไม่ได้เจ็บตัวมากจากการแต่งรถ คือหาแนวทางการแต่งรถของตัวเองเจอได้เร็ว คือ ตั้งแต่ได้รถมา เค้าเองได้เห็นตัวอย่างรถในชมรมฯ ที่มองว่าสวย และบอกตัวเองว่าสักวันจะสวยให้ได้แบบนั้น จึงเริ่มกระบวนการเสาะหาของแต่ง ทีละชิ้น ละชิ้น เค้าเล่าให้ฟังพร้อมกับหัวเราะไปด้วยว่า “เชื่อไหม ผมแทบจะกิน-นอนกับหน้า Classsified กันเลยทีเดียว” กด refresh กันทุก 5 นาที และนับว่าเป็นโชคดีของนายเป้ เมื่อได้รถมานั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ขาใหญ่ในวงการ ฉายา “คนทางเหนือ” ตัดสินใจขาย NA ไปเล่น NC พอ ดี จึงได้ทำการเปิดกรุนำของแต่งที่มีทั้งหมดออกขายให้เพื่อนสมาชิกที่สนใจ ซึ่งนายเป้ก็สมใจเพราะกวาดซื้อซะเรียบ แต่แล้วก็ถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง หลังจากที่ค้นพบตัวเองและคิดได้ว่านี่รถตัวเอง มันคือของเค้าเองทำไมต้องแต่งให้เหมือนรถคนอื่น งานเลยเข้าครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อมานั่งมองรถตัวเองและเห็นว่าของแต่งในรถส่วนใหญ่เป็นของ K.G.WORKS จึง ตัดสินใจเลยว่ายังไม่มีใครในชมรมฯ ที่ตกแต่งรถแบบแบรนด์เดียวทั้งคัน ว่าแล้ว โปรเจค์ก็เริ่มขึ้น โดยของแต่ละชิ้นเรียกได้ว่าในหนังสือเป็นแบบไหน รถเราก็ต้องเป็นแบบนั้น ทั้งไฟหน้า กระจกมองข้าง กระจกมองหลัง ไฟหรี่ กริลหน้า ฝาถังน้ำมัน โรลบาร์ ที่เปิดประตู คันเกียร์ หัวเกียร์ ไปจนถึงของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างช่องแอร์และที่ฉีดปัดน้ำฝน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ล้อซี่ลวด ถูกนำมาประกบร่างรวมกับเจ้าตัวเล็ก
ส่วนของเสริมหล่อให้รถดูลงตัวมากขึ้นก็เลือกสำนักดังของญี่ปุ่นคือเรือนไมล์ของ AWD รุ่น into the blue พวงมาลัย moto-lita แบรด์ดังจากเกาะอังกฤษ เบาะ cobra รุ่นคลาสสิค (แต่ราคาไม่คลาสสิคด้วยด้วย ทันสมัยดีจัง) และไฟท้ายที่หาไม่ได้อีกแล้ว (เค้าโม้ไว้แบบนั้น) จาก barchetta เรียกได้ว่าขายบ้านทำรถกันเลยทีเดียว สำหรับโปรเจค์ถัดไปนั้นนายเป้บอกไว้ว่าคงจะมาเล่นเครื่องยนต์ แต่แอบกระซิบว่างบหมดแล้ว ถึงต้องพับโครงการไปก่อนแบบไม่มีกำหนด...
เป็นไงครับเริ่มประเดิม Miata Showroom รูปแบบใหม่นี้ หากใครคิดว่ารถตัวเองโดนอยากจะมาโชว์ตัวเป็น เป็นในเดือนถัดไปก็ติดต่อมาทาง webmaster ได้เลยนะครับ เรายินดีนำรถคุณมาเป็นนายแบบอยู่แล้ว...
พบกันใหม่เดือนหน้าครับ
ขอขอบคุณนายใหม่ช่างภาพกิตติมศักดิ์มากครับ ที่อุตส่าห์สละเวลามาถ่ายภาพสวย สวยให้ครับ
ต่อมาเป็นรายละเอียดของแต่ละชิ้น แบบเจาะที่อาจารย์หนุ่มบอกครับ เริ่มที่เรือนไมล์ AWD
พวงมาลัยคลาสสิค Moto-lita
ช่องแอร์แท้ แท้จาก K.G.WORKS
ขอบคุณสำหรับคำชมครับ มาต่อด้วย แผงคอนโซล แผงสวิทช์แอร์ ปุ่มปรับแอร์ ทั้งหมดจาก K.G.WORKS ครับ
คันเกียร์ หัวเกียร์พร้อมโลโก้ m คลาสสิคครับ
กระจกมองหลังครับ
ภายในชิ้นสุดท้ายที่เปิดประตูพร้อมถ้วยโครเมี่ยมครับ
มาต่อภายนอกบ้างครับ ไฟหน้าคู่ ไฟหรี่ กริลหน้าจาก K.G.WORKS และไฟหรี่มุมกันชนจาก prontry ครับ
กระจกมองข้าง โรลบาร์ของ K.G.WORKS เหมือนเดิม
ไฟท้ายจาก barchetta และไฟเบรคดวงที่ 3 จาก สำนักเดิม K.G.WORKS ครับ
อ่านกฏกติกาในการสมัครสมาชิกเวบ
