พอดีทำ review ลงใน pantip.com เลยคิดว่ามีประโยชน์สำหรับคนที่อยากจะซื้อรถ หรือเพิ่งซื้อมา เลยเอามาแชร์ที่นี่ด้วยนะครับ
สวัสดีครับ นี่คือการทำ user review ครั้งแรกของผมนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับรถที่มาทำการ review ครั้งนี้คิดว่าอาจจะเป็นรถในดวงใจของหลายๆคน รวมทั้งผมด้วย
ส่วนการ review จะพยายามให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุดครับ (ให้สามารถเดินไปซื้อแล้วใช้ได้เลย ฮิฮิ)
นั่นก็คือ
Mazda MX-5 หรือชื่อเล่นว่า Miata (มิอ่ะต้า...หรือเมียด่า)นั่นเอง คันนี้ซื้อมาได้แป๊บๆ 8 เดือนแล้ว MX-5 NA8 ปี 1996 ABS Auto ครับ
ซื้อมาจากเต๊นท์ซึ่งประกาศขายทางเวบใน internet พอซื้อมาก็ถือว่าโชคดีมากเพราะเจ้าของเก่ารักษาได้ดีมากๆ
ซึ่งในเล่มทะเบียนคือคุณ สินนภา สารสาส เป็นเจ้าของมือเดียว (ซึ่งมารู้ทีหลังว่าพี่เขาเป็นนักแต่งเพลงของทางค่ายแกรมมี่)
ประวัติคร่าวๆโดยย่อของมันคือเป็นรุ่นแรก แต่ generationไม่แรกเพราะแรกเลยจะเป็นเครื่อง 1,600 เราเรียกว่า na6 ส่วนคันนี้เป็น 1,800 เราเรียกว่า na8
สร้างขึ้นมาโดยคำว่า Jinba Ittai ซึ่งจินแปลว่าคน บะแปลว่าม้า อิตไตแปลว่ารวมเป็นหนึ่ง (ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่า เอ...ก็ว่าทำไมคันนี้มันขับสนุกจังวะ)
วิศวะกรของ
mazda ใช้หลัก 50:50 ของรถคือชั่งล้อหน้าก็ได้น้ำหนักครึ่งนึงของรถ ชั่งล้อหลังก็ได้น้ำหนักครึ่งนึงของรถเช่นกัน
รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่เป็นรุ่นสุดท้ายที่ทำไฟ"ป๊อบอัพ" เนื่องจากหลังจากนั้นมีกฏหมายห้ามเนื่องจากความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากคนข้ามถนน
ออกวางขายครั้งแรกที่อเมริกา เป็นที่ฮือฮาอย่างมากทำให้เกิดตลาด
"roadster" เกิดขึ้นต่อเนื่องของหลายๆค่ายตามมาทีหลัง
ในตลาดของญี่ปุ่นตอนแรกใช้ชื่อ EUNOS ในการขายของ Mazda แต่ทีหลังเจ๊งไปแล้วครับ
ส่วนเมืองไทย mazda โกมลสุโกศลเอาเข้ามาตอนนั้นเป็นเกียร์ manualทั้งหมด
แล้วให้หลังคาแข็งซึ่งเป็น optionของเมืองนอกให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเลยทีเดียว
รถผมกล่าวได้ว่าเดิมๆเกือบหมดครับ เห็นทะเบียนนี้ที่ไหนก็ทักทายกันได้ ปกติเป็นคนขับสุภาพ มีรถจะเข้าก็ให้เข้า อยากแทรกให้แทรก อารมณ์ดี
แต่หากวันไหนเห็นขับรถเร็ว ขอปาดหรือขอแทรกบ้าง ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย วันนั้นอาจจะ
ปวดขี้มากจริงๆ >_<
ล้อก็เดิมครับ เป็น mag มาตรฐานเลย 14" อัลลอยด์ ใส่ยาง Michelin energy ลดความกระด้างหน่อย แต่อาจจะไม่เกาะมากมาย
แต่ก็ไว้ใจได้ในระดับหนึ่งเพราะไม่ได้ขับรถเร็ว อีกอย่างขับแต่ในเมืองเป็นหลัก
ที่เปิดประตูอาจจะเปิดยากหน่อย ต้องใช้นิ้วเกี่ยวแล้วงัด สงสัยออกแบบมาให้ไม่เหมือนใคร (และคงไม่อยากมีรถคันไหนเหมือนอีกแล้ว 555)
เปิดประตูออกมา ก็จะเห็นลำโพง ที่ใส่ของซึ่งใส่ได้ไม่เยอะ ประมาณแผ่น CD ซัก 4-5 ก็แน่นแล้ว
มีที่ล๊อกประตูถ้าเห็นสีแดงคือไม่ล๊อก ต้องดันไปอีกข้าง จะเห็นได้ว่าปุ่มเปิดกระจกไปไหนหว่า? เดี๋ยวมีเฉลย...
เฉลย อยู่ตรงคอนโซลกลางครับ ซ้ายขวาไม่ออโต้ จะเปิดให้สุดต้องกดจนสุด
ส่วนถัดมาก็จะเป็นที่เขี่ยบุหรี่อันใหญ่มาก ซึ่งถอดออกมาได้และมี option เป็นที่ใส่ขวดเป็นช่องกลมๆ (แต่ผมไม่ได้ซื้อมา มันแพง ฮิฮิ)
ขอบอกว่าถ้าคุณ
อายุ 70 เป็นต้นไปไม่แนะนำครับ เพราะว่าต้องใช้การงอเข่าในการขึ้นลงมาก
ซึ่งยอมรับว่าเบาะของ mx-5 ตัวนี้นี่เตี้ยมากๆ ซึ่งคุ้มค่ากับการ
"ติดพื้น" ขนาดนี้
ซึ่งรายละเอียดของรถนั้น จะติดอยู่ที่ข้างประตูฝั่งคนขับครับ ซึ่งในนี้จะเขียนว่าเป็นเกียร์ manual แต่เจ้าของก่อนเอามาเปลี่ยนเป็น auoto ทีหลังครับ
เกียร์มัว อันนี้ไปเช็คประวัติ mazda มาเจ้าของเก่าซื้อรถปุ๊บก็สั่งมาติดปั๊บเลยทีเดียวเป็น 4 speed
เกียร์ 2 อยู่ที่ 20 km/hr
เกียร์ 3 อยู่ที่ 40 km/hr
เกียร์ 4 อยู่ที่ 60 km/hr
ซึ่งอารมณ์ของ madza มันซูมซูม เหมือนเดิมเวลามันเปลี่ยนเกียร์มันก็กระชากให้รู้สึกว่ารถมันแรง (แค่ความรู้สึกนะครับ ฮ่าฮ่า)
ส่วนช่องแอร์ก็เหมือนรถ ขสมก.ทั่วไป , แอร์มี ac กดเอาออกได้ , ส่วนวิทยุเอาไปเปลี่ยนเป็น Pioneer มาเรียบร้อย... ใส่ iPhone ฟังเพลงซะ
ส่วนสองปุ่มตรงกลางข้างบน อันแรกคือไฟฉุกเฉิน อันที่สองเป็นเปิดไฟป๊อบขึ้นมา โดยไม่เปิดไฟครับ
พวงมาลัยเป็นของ Nardi ครับ กระชับมือใช้ได้เลยทีเดียว
จะบอกให้ว่าเป็นรถที่สามารถเก็บของได้น้อยมาก ซึ่งตรงตามคอนเซปท์ของรถ
คือกรูให้เมิงขับชิลล์ชิลล์ ไม่ใช้ให้เมิงขนของไปไหนมาไหน...สาาาดดด !!ตรงกลางเปิดมา ก็จะได้เป็นที่เก็บของแค่ กระเป๋าตังค์+มือถือ iPhone ก็เต็มแล้ววว....
ปุ่มที่เปิดถังน้ำมันกับกระโปรงหลังก็อยู่ข้างในนี้ครับ
ปล. ทางซ้ายมีช่องใช้กุญแจ lock ได้นะครับ หากไม่อยากให้ใครมาเปิด
ส่วนด้านคอนโซลคนนั่งก็ยืดขาได้ตามสบาย เพราะรถออกแบบมาเหมือนให้คุณได้ยืดขาได้เต็มที่
ผมสูง 180 ยังยืดได้ไม่สุดเลยทีเดียว
ก็ตามคอนเซปท์รถคือเก็บของได้น้อย เก๊ะเก็บของจึงเก็บได้น้อยมาก
>*< ผมว่า starlet ep82 คันเก่าผมเก็บได้น้อยแล้วนะเนี่ย คันนี้พอๆกันเลย
แต่ก็มีอะไรที่ทันสมัยกับเขาเหมือนกัน คือฝั่งคนนั่งด้วยจะมี
"กระจกส่องสวย" ติดมาด้วย
เพราะฉะนั้น รถคันนี้คนไม่สวยขึ้นไม่ได้นะคร๊าาาบบบบ... ฮิฮิ
ไฟส่องสว่างในรถ ขอบอกว่าไม่สว่างแบบรถสมัยก่อน ผมเลยต้องพกไฟฉายในรถด้วย อิอิ
แป้นเหยียบคันเร่งก็เอาแป้นครัชออกเรียบร้อยแล้ว ตำแหน่งก็จะเอียงออกทางขวานิดหน่อยตามนิสัยของรถขับหลัง
สวิทช์ควบคุม ทางซ้ายคือไล่ฝ้า ถัดมาคือความสว่างของหน้าปัด ถัดมาสุดท้ายคือสวิทช์ปับกระจกมองข้าง
แล้วอันข้างล่างคือที่เปิดฝากระโปรงหน้ารถ ใช้ดึงครับ
แต่ยังแอบมีเล็กๆน้อยๆให้ชื่นใจคือมีที่เก็บของ (เล็กๆ)ตรงด้านหลังของคนนั่งข้าง นิดๆก็ยังดี อิอิ
ส่วนเครื่องยนต์ผมไม่ได้มีความรู้มากนัก ก็จะเป็นเครื่อง 1,800cc ของ mazda คล้ายๆของ mazda 323มั้ง แต่แอบแรงกว่านิดหน่อย(ผมว่า)
ปล. ทางขวาสุดกล่องดำๆคือกล่องควบคุม ABS นะครับ ถ้ารุ่นไม่มี ABS จะไม่มีกล่องนี้
มาเปิดกระโปรงท้ายเก็บของดูบ้าง โอ้ว์มายก๊อด !! มันช่างเก็บของได้น้อยเสียนี่กระไร !!
ก็ต้องเสียพื้นที่เก็บยางอะไหล่ไปส่วนนึงนะครับ ส่วนตรงกลางจะเห็นที่เปิด ใช้ดึงขึ้นมาคือที่เก็บอุปกรณ์ของการใช้แม่แรงนะครับ(ลืมถ่ายรูป)
ทางด้านซ้ายจะเป็นที่เก็บแม่แรงยกรถนะครับ ทำดีทีเดียว
ทางขวาจะไว้เก็บแบตเตอรรี่นะครับ เป็นลูกเล็กกี่แอมป์ไม่รู้ ลืมไปเช็ค
ซึ่งวันก่อนพี่ใน mx-5 club ถึงกับตกใจว่าแบตเมิงอึดมาก
เพราะแบตฯลูกนี้คือลูกที่ติดรถมาตั้งแต่ปี 1996 ยังไม่เจ๊งอีกเหรอเนี่ย !!อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ พอดีคันนี้สามารถเปิดประทุนได้ เลยมีอีกนิดนึงนะครับ
เอาล่ะเรามา Transformerกัน !!
จะมีล๊อกของหลังคาแข็งอยู่ 4 จุดนะครับ
เราคลายล๊อกโดยการกดปุ่มแล้วดันออก...มันมีหน้าตาแบบนี้นะครับ
ที่สำคัญอย่าลืม !!
ถอดสายไฟระหว่างหลังคาแข็งกับตัวรถด้วยนะครับ โดยการกดล๊อกแล้วชักออกมา
ขั้นตอนสำคัญคือถอดครับ !! ฮิฮิ (อย่าคิดลึก)
ต้องใช้สองคนแน่นอน คนเดียวไม่มีทางทำได้ ผมลองแล้ว ฮ่าๆ
โดยการขั้นตอนแรกคือ ดันถอยหลังนิดนึง ขั้นตอนสองคือ ยกขึ้นมา แล้วหาที่เก็บเป็นอันเรียบร้อย
ปล. ในรูปคือผมกับแม่ พี่สาวถ่ายรูป ครอบครัวหรรษา :-)สภาพหลังโดนถอด !! (นั่น บอกแล้วว่าอย่าคิดลึก)
โชว์โรบาร์สวยทีเดียวเชียว.... อิอิ
เป็นรถเปิดประทุน พร้อมไปเที่ยว (ตอนหน้าหนาว) 555
มาปิดหลังคาอ่อนกัน ซึ่งหลังคาอ่อนจะติดอยู่กับตัวรถอยู่แล้วนะครับ
ก่อนปิดเราต้องทำการคลายล๊อกออกมาก่อน
แล้วทำการยกมันขึ้นมา ซึ่งสามารถทำได้คนเดียวครับ
หรือว่าถ้าอยู่ในรถก็เอี้ยวตัวนิดนึงแล้วยกได้เลย น้ำหนักไม่เยอะ
ทำการล๊อกหลังคาอ่อนครับ ซึ่งจะเป็นที่เดียวกับที่เราเอาหลังคาแข็งออกมา
จะมีแค่สองจุดเท่านี้ครับ
สภาพรถเมื่อติดหลังคาอ่อนเรียบร้อยแล้วครับ
หล่อไหมครับทั่นซึ่งของผมจะไม่เป็นผ้าใน แต่จะเป็นไวนิ่ลครับ ทนทานน้ำไม่รั่วซึ่งขนาดฝนตกหนักๆก็ลองมาแล้ว
แต่จะมีซึมนิดนึงตามขอบยางครับ ซึ่งเป็นตามสภาพยาง ถ้ามีตังค์ก็น่าจะซื้อเก็บไว้เหมือนกัน
ข้อเสียนะครับ1.ไม่ได้ถ่ายรูปมา พอใส่หลังคาผ้าใบ ทัศนะวิสัยในการมองจะแคบลง
เพราะว่าพลาสติกใสที่เป็นแทนกระจกหลังมันสั้น เวลามองไปก็จะเห็นเป็นผ้าใบทึบๆมากกว่า สู้หลังคาแข็งไม่ได้
2.ไม่ได้ถ่ายรูปมา คือถ้าสังเกตจริงๆ กระจกมองข้างจะติดตัวคนขับมาก เวลามองจะมีจุดบอด
และปกติเวลาเราจะมองกระจกข้างตัว จะเหลือบประมาณ 13นาฬิกา แต่คันนี้จะต้องเหลือบประมาณ 14นาฬิกาทีเดียว
เพราะฉะนั้นเวลามองกระจกแล้วผมจะชัวร์จริงๆต้องหันคอไปมองเร็วๆครับ
*ข้อเสียข้อสุดท้ายคือต้องหาที่เก็บหลังคาด่วน !!ส่วนข้อดีนะครับ
1.รถเกาะถนนดีมาก มั่นใจ และคิดว่าเมื่อเกิดอะไรขึ้นเช่นรถเสียหลัก ความสามารถรถสามารถเซฟได้ส่วนหนึ่ง
2.อัตรเร่งของผมถึงจะเป็นเกียร์ auto ก็เร่งได้ดี ก็คงเพราะด้วยน้ำหนักรถ 800กว่ากิโลกกรัมเท่านั้นและเครื่อง 1,800cc
3.ด้วยความเป็นอมตะและความสวยรถของคุณไม่ว่าจะจอดข้าง เบนซ์,บีเอ็ม,หรือรถหรูยี่ห้ออื่นๆ ก็
ไม่อายใครครับ !!สรุปว่า ถ้าในชีวิตของคุณได้ขับรถมามากมาย
แต่มันจะมีโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ขับ roadster ราคาไม่ต้องแพงสักคัน
...........คำตอบคือ MX-5 คันนี้ครับ !! ............ขอขอบคุณ. แม่และพี่สาวที่มาช่วยยกหลังคาครับ อิอิ... Joke_Jordan copyright 21/5/2010