มาดูNA8 ใส่ลูก 85 เป็น 1928cc. ว่ามีกำลังมากขึ้นแค่ไหน" ของท่าน Rooster
ย้ายมาบ้านใหม่ ก็เริ่มกันใหม่หมดเลยละกัน ลูก TODA 85mm. Forged Pistons
สังเกตุความนูนครับ กำลังอัดถึงได้สูง (11:1)
อีกมุม
มาพร้อมปะเก็นเหล็ก 0.8mm. ของ TODA เหมือนกัน
เอาออกมากองรวมๆกัน
สิ่งที่ต้องเตรียมไว้เปลี่ยน มี
1.ยางตีนวาว์ล 16 ตัว (ตัวละ 227 บ. คูณ 16ตัว โคตรแพง)
2.ประเก็นไอดี,ไอเสีย 164บ.+259บ.
3.ซีลข้อเหวี่ยงหน้า,หลัง 159บ.+591บ.
4.ซีลราวลิ้น 2 ตัว @196บ.
5.ไส้กรองน้ำมันเครื่อง 200บ.
6.น้ำมันเครื่องแบบธรรมดา 1 แกลลอน 600บ. (ใช้แค่ 500กม.แรก แล้วถ่ายทิ้ง เลยเอาแบบถูกๆก็พอ)
แค่นี่ก็ล่อไปเกือบ 6000บ.แย้วว
เข็นเข้าอู่ Jufe's Garage Engine Specialist ไปรื้อทำฝา ขัดพอร์ต เห็นว่าข้อเหวี่ยง กับช้าฟ อยู่ในสภาพใสกิ๊ก เลยไม่ต้องเสียตังค์เพิ่ม (รอดไป)
เดี๋ยวที่เหลือรอช่างใหญ่มาลงรูปประกอบคำบรรยายครับ
อันนี้ครับ วันแรก หาทางยกเครื่องกันออกมาก่อน
กะลังรื้อ ครับ
สังเกตุนะครับ ฝาสูบหายไปแล้ว แยกชิ้นซะ
จากนั้นเราก็แยกฝาไปทำขบวนการ port polishing และ จัดการตกแต่งห้องเผาไหม้ซะ
ระหว่างรอเสื้อสูบไปคว้านเพื่อใส่ลูกขนาด 85 mm.
ระหว่างขัดพอร์ทไอเสียครับ
ตอนนี้ยังไม่เงาครับ เพิ่งเริ่มจะขยายพอร์ทตามสูตร อิๆ
เนื่องจากเสปคของโทดะ ระบุมาว่า ต้องใช้ดัมมี่เฮดเท่านั้นในการคว้าน
นานเลยครับ ต้องสร้างดัมมี่เฮดขึ้นมา ถ้าท่านอยากทราบรายละเอียดของดัมมี่เฮด
หาอ่านจาก XO เล่มที่ Silvia S14 ลงนะครับ จะมีอธิบายอยู่
คร่าวๆคือ ถ้าเราไม่ใส่ดัมมี่เฮด พอเราคว้าน เสร็จ ใส่ลูกเสร็จ พอประกอบฝาสูบ
รูกระบอกสูบจะไม่กลมแล้ว เพราะจะโดนกดจาก นัตฝาสูบรอบๆนั่นเอง
ครับ ถ้าเป็นท่านอื่นต่อจากคุณจุ๊บก็จะง่ายขึ้นแล้วครับ
เพราะมีดัมมี่เฮดรออยู่แล้วครับ
มีบางคนอาจอยากรู้ว่าวิธีคำนวณ cc. ที่เพิ่มว่าเค้าคำนวณยังไง คิดตามนี้เลยครับ
ขนาดลูกสูบ X ลูกสูบ X ข้อเหวี่ยง X 0.00314 (ที่จริงเอาเป๊ะต้อง 0.0031416 ถึงจะถูก แต่เอาแบบจำง่ายๆก็แล้วกัน)
เช่นของผม 85 X 85 X 85 X 0.00314 = 1928.35 cc.
ทีนี้ใครอยากเปลี่ยนลูกขนาดไหนหรืออยากเปลี่ยนข้อเหวี่ยงขนาดไหนก็มาคำนวณกันเล่นๆก่อนได้ว่า Output จะได้กี่ cc. ไงล่ะครับ
อย่างของผมทั้งลูกสูบกับข้อเหวี่ยงเท่ากันนี่ มัน Square ดีนะครับ เหมือนกับจะมีดีเป็นพิเศษ แต่จริงๆแล้วไม่เกี่ยวกันเลยกับตัวเลขที่บังเอิญเหมือนกัน...แป่ววว
reply 24 : Rattster ผมเคยอ่านเจอในหนังสือ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเล่มไหน ไม่ค่อยแน่ใจ
เค้าบอกว่าถ้าบล็อคเครื่องที่มีขนาดลูกสูบมากกว่าช่วงชัก จะให้กำลังดีในช่วงรอบต้น
แต่ถ้าถ้าบล็อกเครื่องที่มีช่วงชักมากกว่าขนาดลูกสูบ จะให้กำลังดีในรอบปลาย เช่น บล็อค HONDA
และถ้าจะให้ดีควรทำให้บล็อคเครื่อง Square กันเป็นดีที่สุด จะให้กำลังที่ Smooth ทั้งรอบต้นและปลาย
ไม่รู้จำผิดรึป่าว หรือจำสับกันรึป่าว ถ้าไงใครมีข้อมูลที่ถูกต้องก็มาบอกกันบ้างนะครับ เป็นประโยชน์กับทุกคนเด้อ!
นี่แสดงว่าเครื่องพี่ Rooster ก็ Square แล้วซิพี่ น่าจะดีที่สุดนะครับ รอชมครับพี่
ใช่ครับ Rattster ไอ้ที่บอกถูกต้องแล้วครับ ลูกสูบโต ช่วยรอบต้น ช่วงชักยาวช่วยรอบปลาย แต่ Square เนี่ย อุตส่าห์ปลอบใจตัวเองว่าไม่เท่าไหร่แล้วนะเนี่ย
อุตส่าห์มาตอกย้ำอีก (หวังว่าจะดีตามทฤษฎีนะครับ )
ตอนนี้ประกอบเครื่องเรียบร้อยแล้วเหลือแต่เปลี่ยนยางแท่นเครื่อง (ช่างใหญ่ดันลืมสั่งล่วงหน้า ประกอบเสร็จจะยกเครื่องลงเพิ่งมาบอกทีหลัง..ฮึ่ม)
เห็นว่าติดเครื่องแล้ว เดินไม่เรียบเอาซะเลย รอบเดินเบาก็ล่อไป 1200 รอบแล้ว เปิดแอร์ปุ๊บ ไปกันใหญ่ ไปอยู่ที่ 1500 รอบ ต้องปรับแต่งไฟกันอีก เอาพอวิ่งไป จูนที่ Unichip ได้ให้พอแค่รันอินได้ก่อน แล้วค่อยไปจูนแบบเต็มที่อีกที เสร็จแล้วจะเอาไปขึ้นที่ HKS ก่อนปิด (ทีนี้จะไปขึ้นที่ไหนดีล่ะเนี่ย)
หมายเหตุ : ยางแท่นเครื่องตัวละ 1380 บ. (ใช้สองตัว หน้าตาเหลี่ยมๆ)
ได้รถมาแล้วครับ ขับได้ประมาณ 80-90กม.แล้ว ยังต้องรันอินไปถึง 1500 กม.ก่อน ระหว่างนี้ครบ 500 กม.แรกต้องไปถ่ายน้ำมันเครื่องเอาพวกเศษๆที่ช่างลืมเอาไว้ในเครื่องออกมา ก่อน (ล้อเล่นน่ะครับ) ลองวิ่งดู เหยียบไม่เกิน 100กม./ชม. รอบไม่เกิน 3พันรอบดูเหมือนน่าอึดอัด แต่แปลกครับ ไม่รู้สึกอึดอัดเลย รถตอบสนองดีมาก ผมหมายถึง เครื่องลื่นไม่มีอาการน็อกเหมือนที่ตอนคุณจุ๊ฟเอารถมาส่ง (ค่าส่งคิดก๊วยเตี๋ยว 1 ชาม+น้ำแข็ง 1 แก้ว) อาการมีเสียงแก๊กๆที่ใต้ท้องรถก็หายไป กล่อง Unichip ที่ตอนแรกนึกว่าต้องไปจูนก่อนจึงจะวิ่งได้ ก็ไม่เห็นว่าจะเกิดปัญหาอะไร ตอนนี้ก็คงมีแต่รอบเดินเบาสูงมากไปหน่อย คือปิดแอร์อยู่ที่ 1200 รอบ เปิดแอร์ขึ้นมาที่ 1500-1600 รอบ เหมือนรถซิ่งเลย ครางลั่นตอนติดไฟแดง คงต้องรอให้พ้นรันอิน ต้องไปจูนใหม่พร้อม Advance ไฟอีกที ตอนนี้ตั้งอยู่ที่ต่ำกว่า 10ไม่งั้นน็อก
ไว้มารายงานเพิ่มนะครับ
ขอบคุณครับที่ยังตามดูอยู่
เพิ่งครบ 500กม.ไปไม่กี่วันเอง ไปถ่ายน้ำมันเครื่องเป็น Mobil 1 แล้วรู้สึกลื่นขึ้นอย่างถนัดตา (เดิมเติมแบบเกรดธรรมดา เวลาถ่ายทิ้งจะได้ไม่เปลือง)ที่แน่ๆ Torque ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คาดว่ามันส์แน่งานนี้ แต่ช่วงนี้จำเป็นต้องเข็นกลับเข้าไปที่อู่ก่อน เพราะมันมีเสียงแก๊กๆดังใต้เกียร์ จะดังตั้งแต่ 2000-2500 รอบ และรู้สึกห้องเกียร์ร้อนผิดปกติ เลยให้คุณ jufe มาช่วยเอากลับไปเช็คใหม่ เดี๋ยวมันจะพังก่อน (แต่ตัวเครื่องไม่มีปัญหาอะไร มีแต่รอบสูงมากกับเดินไม่เรียบเท่านั้นครับ) กว่าจะพ้นรันอินก็คงอีกเป็นเดือนแน่ พยายามใช้ทุกวันแต่บางครั้งสถานการณ์ก็ไม่อำนวยในการขับ
เมื่อวานเย็นคุณจุ๊ฟแวะมาดูให้แล้ว ต้องพาวิ่งให้เครื่องร้อนพอ เสียงที่ว่าก็ดังขึ้น ปรากฎว่าไม่ใช่จากเกียร์ครับ เห็นว่าเป็นเครื่องน๊อกเนื่องจากไฟที่ทั้งไว้ไม่หนุ่ม(แก่ไป) ที่ต้องตั้งไว้แบบนี้เพราะถ้าตั้งไฟอ่อนกว่านี้เครื่องจะดับ (เนื่องจากกำลังอัดสูงขึ้นมาก) ตอนแรกก็เข้าใจว่าเครื่องน๊อกคืออาการเครืองสำลักและเดินสะดุด เลยเป็นความรู้ใหม่ครับ ไว้พรุ่งนี้ว่าจะเอาไปจูนที่ unichip พร้อมแก้ไฟที่แก่ไปด้วย เดี๋ยวมารายงานอีกทีครับ
กลับมาจาก GT-1 แล้ว ปรากฎว่าอกหักครับ จูนแต่งน้ำมันเพิ่มไม่ได้แล้ว เนื่องจากกล่อง Unichip สามารถสั่งเพิ่มน้ำมันได้แค่ 50 (% มั้ง ไม่ได้ถามว่าหน่วยอะไร) และกล่องพ่วงไม่สามารถหลอกกล่องติดรถให้ทำการจ่ายน้ำมันที่ขาดแก่เครื่องได้ เนื่องจากเกินลิมิตที่กล่องเดิมจะทำได้ จำเป็นต้องเอากล่องเดิมติดรถออกเพื่อที่จะmanage เองทั้งหมด ดังนั้นคงต้องเปลี่ยนใช้กล่อง stand alone ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์จาก tons888 ขายต่อให้อีกทีในราคามิตรภาพมันคือกล่อง F-Con VPro version 3.1 พร้อม harness ที่เหลือก็รอคุณjufe มาจูนให้อีกที ทีนี้ก็สามารถถอด แอร์โฟลล์ออกได้ และยังสามารถจูนส่วนที่ขาดได้เต็มที่ เรียกว่าเค้นแรงได้เต็มที่แต่ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือคนจูนอีก ซึ่งคงไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณjufe อยู่แล้ว
ไว้มาเล่าต่อครับ ช่วงนี้คงต้องจอดรอไปก่อน
ได้รับความช่วยเหลือจาก Rattster ในการจัดหา Harness ตรงรุ่นส่งตรงจากญี่ปุ่นถึงบ้านคุณ ภายใน 1 สัปดาห์ (ขอบคุณมากๆครับ ที่อุตส่าห์เป็นธุระให้)
ทำให้มาถึงตอนนี้ Project เปลี่ยนลูกสูบเป็น 1928cc. มียอดบริจาคจากกระผมเกิน 100,000 บ.แน่นอนแล้วครับท่านผู้ชม (คำเตือน:ผู้ลงทุนคนต่อๆไป กรุณาศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน) เมื่อรวมโปรเจคเล่นกับแคมเมื่อหลายเดือนก่อนอีก 60,000 กว่าบาทแล้ว ซื้อเครื่อง 2J แล้วยังมีเงินเหลืออีกหลายหมื่นเลยหง่ะ ตอนนี้พอๆกับตอนผมแต่งรถเต่าเลยครับ แต่รถเต่าได้ 2074cc.+ Webber 4 ลิ้นเลย สรุปว่าแต่งแล้วแพงกว่ารถเต่าอีก..แงๆ
ขอถามเพื่อนๆว่า คิดว่าจากการแต่งขนาดนี้ของผม น่าจะได้ม้าเพิ่มเป็นกี่ตัวครับ (ที่ไดโน HKS)ตอนนี้ 118.5ตัวหลังเปลี่ยนแคม ใครทายถูก เมื่อรถเสร็จจะให้ลองขับรถผมเป็นรางวัล
Rattster ที่อยู่ผมตามนี้ครับ
นายเดชา อภิรมย์เดช
57/5 หมู่ 5 ถ.ร่มเกล้า แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 10510
คันสีฟ้า 4 ลิ้นที่ HKS ของคุณบวร ได้ม้าลงพื้นที่ 144 แรงม้า (คันนี้แคมไม่แน่ใจว่า 270กว่า หรือ 280กว่า) ลูก 83มม. กล่อง VPro เหมือนกัน (หากข้อมูลตัวไหนผิดก็ต้องขออภัยด้วยครับ) คงใช้เป็นไกด์ไลน์ในการทายแรงม้าได้ แต่บอกไว้ก่อนว่ามี factors ต่างๆอีกเยอะที่เป็นตัวแปรที่ให้แรงม้าเพิ่มขึ้นอีกครับ
ทีนี้ลองทายใหม่ดิครับ (ของคุณอู้น่าจะเอา spec รถของตัวเองรวมทั้งแรงม้ามาลงให้เพื่อนได้ทราบ เพื่อเป็นแนวการแต่งเป็น N/ด้วยก็คงจะดีไม่น้อยนะครับ)
reply 42 : Vpro มาแนวนี้..สงสัยมี140ซุกอยู่แน่ๆเลย
spec.รถผมเคยควักไส้ควักพุงให้ดูที่บ้านเก่าแล้วนะ แต่2-3ปีที่แล้วไม่ค่อยมีใครสนใจn/aเท่าไหร่ เอาอีกทีก็ได้ คนทำให้คงลืมไปหมดแล้ว
1 Wiseco forged N/A pistons
C/R11:1 , Overbore 2mm.
Weighs 1/4 lb.per cylinder less than stock
2 Koyo radiator+HKS cap
3 SPAL FAN
Stage 2 fan upgrade maximum airflow by 32% over stock
4 CUSCO
Rocket Clutch Set
5 Oil Cooler
6 L.S.D.
HKS -Silent Hi-Power Exhaust
-Header
-Racing Suction Kit
-Adjustable Cam Gears
-Camshafts 256 in/ex
-Metal Head Gasket
-Twin-Power
-F-con Vpro tune by Jufe
ฝา+วาวล์ by Jufe
ทั้งหมดได้ ประมาณ132ม้าลงพื้นส่วนแรงบิดจำไม่ได้(มันสนุกตรงแรงบิดนี่แหละ..เดี๋ยวไปหากร๊าฟมาลงให้ครับ)
มันส์ไม่เม้ม อยากรู้ถามได้เลยครับ ของทั้งหมดนอกเหนือจากHKS สั่งใหม่หมดตามWEBครับ กัดฟันทำครับ รู้ว่าทำแล้วจบเลยยอม ทำมา3ปีแล้วไม่เคยเข้าอู่อีกเลย แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่B-quickเท่านั้นเองครับ ลืมบอกว่า 1.6แตนๆ ม้าลงพื้นประมาณ90ตัวครับ
โอ้โห...ในที่สุดก็ดึงคุณอู้ออกมาแชร์รายละเอียดให้ฟังจนได้ ดีครับจะได้เป็นข้อมูลในการแต่งในแบบทั้ง 1600 กับ 1800 (ขออภัยครับ ข้อมูลเก่าที่คุณอู้เคยลงไว้ ผมไม่เคยอ่านเลยครับ)
ส่วนของผมไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆครับ Nothing In The Bamboo ไอ้ที่บอกว่ามันขึ้นอยู่กับหลายๆ factor หมายถึงรถที่แต่งแต่ละคันถึงจะทำมาเหมือนกันทุกเม็ด แรงม้าก็ไม่ได้ออกมาเท่าๆกันทุกคันหน่ะครับ ไม่ได้แปลว่ารถผมมีอะไรซ่อนเร้นหรอกครับ
เอ้า..งั้นมาดูของผมบ้าง
Engine Displacement : 1928cc. (85x85x85x0.00314)
Bore Size : TODA 85mm.(2mm. overbored) Forged Pistons
Compression Ratio (C/R) : 11:1
Head Gasket : TODA Metal Gasket 0.8mm.
Camshaft : Maruha F-Cam
In 252 / lift 9.2mm.,Out 256 / lift 9.5mm.
Cam Sprocket : Maruha
Engine Management : HKS F-Con V Pro 3.1
Intake : Jackson Racing CAI
Header : Mazdaspeed
Muffler : By 42/1 (Otop)
Thermostat : Mazdaspeed 68c.
Clutch : Standard (right now)
ของคุณtons888 คันนี้สิครับ สุดยอดมีทุกอย่างที่เอ่ยมาหมด ตั้งแต่ชุดลูกสูบ TODA แคมองศาสูงมากๆก็ TODA ชิมวาว์ลอีกต่างหาก เปลี่ยนและขยายวาว์ล 4ลิ้น ฯลฯ แต่....ตอนนี้เกิดเปลี่ยนโครงการกระทันหัน โดยยกเครื่อง NB ลงแทนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไว้จะเชิญคุณ tons888 มาแจงสเปคให้ทราบกัน (แต่แปลกคนที่แต่ง 4ลิ้นเสร็จปุ๊บ เป็นอันต้องมีการเลิกลากันทุกคนเลยตั้งแต่ คุณRattster คุณtons888 และล่าสุดรู้สึกว่าคุณบวรก็เตรียมขายรถเหมือนกัน (เคสคุณบวรจะขายรถ ได้ยินมาอีกที จริงเท็จอย่างไรต้องขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วย) ผมเลยไม่คิดจะใส่ 4ลิ้นแล้ว กลัวไม่ได้ขับต่อ
สำหรับท่านที่ยังติดตามอยู่ ต้องขอโทษที่ความคืบหน้าของรถผมมันช้าเสียจิง ผมเองก็ไม่ได้ขับมันมา 2 อาทิตย์ฝ่าๆแย้ว อยากจะให้มันเสร็จๆไปใจจะขาด
พอดีติดเรื่อง Harness ที่ต้องสั่งจากญี่ปุ่น กับต้องรอเครื่องมือจูนอีก ทั้งต้องมีโปรแกรมกับต้องมีกุญแจ ซึ่งได้ปรึกษาคุณจุ๊ฟแล้ว คาดว่าจะใช้แผน 2 กันโดยการไปขอยืมทั้งโปรแกรมมาจูน คงต้องเพิ่มหัวฉีดกับปั้มน้ำมันเพิ่ม เบ็ดเสร็จคงได้ขึ้นไดโนภายในเดือนหน้า
ดังนั้นใครจะไปซิ่ง 1/4mile ช่วงนี้ ไม่ต้องมาชวนผมนะครับ เชิญล่วงหน้าไปเลยครับ ไว้โปรแกรมหน้าละกัน ...เซ็งครับ
reply 55 : Vpro
ผลของลูกสูบ11:1อย่างเดียวครับ กับขัดนู้นนิดนี่หน่อยก็ลื่นอย่างที่เห็นแล้วครับ """ดูTorqueซะก่อน 1.6 n/aนะครับreply 56 : Rooster ดูจากกราฟหลังเปลี่ยนลูก รอบต้น Torque หายไปเลยอะ มาดีเอาตอน 4500รอบเป็นไป แต่ม้าเพิ่มมาหน่อยเองเนอะ ชักเซียวๆว่าของผมมันจะได้เท่าไหร่เนี่ย
กราฟของผมตอนใส่แคมแล้ว (เดี๋ยวต้องรอเทียบกับหลังเปลี่ยนลูก)
อ๊ะ...ดูผิดครับ สลับกัน กราฟบนเป็น torque โอโห...เพิ่มขึ้นเห็นๆเลย..
ว่างหายไปนาน มา update พูดคุยกันเพิ่มความรู้ครับ
เริ่มจากมาดูลูกสูบเก่าเดิม 83mm. วิ่งไป 40000กว่าโลตั้งแต่ออกจากโชว์รูม สภาพดำปี๋แบบนี้ (ย้ำว่าวิ่งแค่ 40000กว่าโลเท่านั้น) พวกที่วิ่งเป็นแสนโลจะเป็นไงบ้างเนี่ย
ดูภาพตัดด้านข้างใกล้ๆ จะเห็นได้ว่าหัวแบนราบ ของโรงงานกำลังอัด 9:1 เท่านั้น
เปรียบเทียบกับของใหม่ที่เปลี่ยนใส่ลงไป 85mm. กำลังอัด 11:1
ช่วงนี้รอไล่ Harness ใหม่(ที่สั่งมาจากญี่ปุ่นพอดีใช้ไม่ได้) แล้วจังหวะพี่ที่ไล่สายไฟให้ ป่วยเข้าโรงบาล ระหว่างรอก็เลยไปได้ LSD จากป๋อมาลูกนึง เป็นของโรงงานตรงรุ่นพร้อมเฟืองท้าย 4.1 เหมือนของที่มากับรถ
ข้อดีที่มาทั้งลูกคือสามารถยกใส่ได้ทันที ต่างจากของแต่งที่ต้องมารื้อใส่ใหม่ ที่ต้องปรับ clearance กับต้องปรับชิมกว่าจะลงตัวอาจต้องใช้เวลาหลายวัน
ก่อนติดตั้ง ผมเลยเอามาทดสอบดูว่าเวลาหมุนแล้วล้อจะหมุนไปทางไหนบ้าง ผลที่ได้คือ ถ้าหมุนตรงปลายเพลา ล้อจะหมุนไปด้านเดียวกัน ถ้าหมุนเดินหน้า เพลาข้างทั้งสองข้างก็จะเดินหน้าพร้อมกัน ถ้าหมุนถอยหลัง เพลาทั้งสองข้างก็จะหมุนถอยหลังเหมือนกัน เลยเข้าใจว่าแบบนี้ที่เค้าเรียก 2 way หรือเปล่า ใครรู้ช่วยตอบหน่อย
แต่ถ้าหมุนที่เพลาข้างด้านใดด้านหนึ่ง อีกด้านกลับหมุนตรงกันข้ามอะครับ แปลกดีครับ
ดังนั้นถ้ารถใครมี LSD ติดมา เวลาขึ้น Hoist หมุนล้อข้างใดข้างหนึ่ง อีกข้างจะต้องหมุนไปทิศตรงกันข้ามเสมอ แต่ถ้าเป็นการหมุนที่เพลากลาง ล้อทั้ง 2 ข้างจึงจะหมุนหน้าหรือหมุนหลังพร้อมๆกัน
reply 80 : mai งงๆกับเจ้า LSD ของเจ้าตัวเล็กอยู่เหมือนกันครับ เมื่อก่อนตอนใส่ LSD ให้กับ Civic ถ้าจับรถยกขึ้นแล้วหมุนล้อข้างนึงอีกข้างนึงจะหมุนตาม (ถ้าไม่มี LSD มันจะหมุนกลับด้านกัน) พอมาเล่นเจ้าตัวเล็กก้อลองยกขึ้นบ้างแล้วหมุนล้อ มันหมุนกลับด้านกันแฮะ เลยไม่แน่ใจว่ามี LSD หรือเปล่า แต่เท่าที่เช็ค Spec ดูแล้วปี 97 ก็น่าจะมี LSD ให้แล้ว
ลองศึกษาตามตำราภาษาอังกฤษดู (อ่านออกมั่งไม่ออกมั่ง ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า) พบว่า ถ้าเป็น LSD ของ NA6 จะเป็นระบบผ้า Clutch มันจะจับตลอดมากน้อยแล้วแต่%การจับของ LSD ลูกนั้นๆ (ระบบนี้พวกของซิ่งชอบใช้กัน) ฉะนั้น NA6 ที่มี LSD ถ้ายกตูดแล้วลองหมุนล้อข้างนึงอีกข้างนึงจะหมุนทางเดียวกัน (อันนี้จะชัดเจนว่ามันล๊อคให้ล้อทั้งคู่หมุนไปทางเดียวกันพร้อมๆกัน) LSD ระบบนี้จะจับแบบรู้สึกได้ยิ่งถ้าเป็นแบบ % การจับสูงๆ (ของซิ่งทั้งหลาย) เวลา LSD มันจับจะรู้สึกได้เลย หรือเวลาเลี้ยววงเลี้ยวแคบๆเช่น จอดรถจะดังป๊อกแป๊กๆๆเลยทีเดียว
ทีนี้ถ้าเป็นของ NA8 ซึ่งเป็นระบบ Torsen LSD (ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่าระบบน้ำมันหรือเปล่า) คือปกติมันจะไม่ล๊อคให้สองข้างหมุนไปทางเดียวกัน แต่ถ้าเริ่มมีแรงบิดเข้ามากระทำมัน เช่นเข้าโค้งแล้วล้อข้างนึงทำท่าจะฟรีทิ้ง มันจะเริ่มล๊อคเพื่อให้ล้อสองข้างหมุนเท่าๆกัน ระบบนี้จะจับแบบนุ่มนวลกว่าคือแปรผันไปตามสถานะการณ์ ที่พวกของซิ่งทั้งหลายไม่ชอบระบบนี้เพราะมันไม่แน่นอน (unpredictable) ในขณะที่การแข่งขันต้องการความแน่นอนแม่นยำ LSD แบบผ้า Clutch จะได้เปรียบเพราะจับเท่าๆกันตลอดเวลา ในขณะที่แบบ Torsen ขึ้นอยู่กับปัจจัยอลายๆอย่าง ไม่ได้จับเท่ากันทุกครั้ง (เข้าโค้งเดียวกันแต่เดินคันเร่ง หรือเข้าไลน์ต่างกันแค่นิดเดียว LSD มันก้อทำงานต่างกันแล้ว คนขับจะไม่สามารถเข้าโค้งให้เหมือนเดิมได้ทุกรอบ (บางทีต้องลุ้นว่า LSD มันจะจับเมื่อไหร่)
กลับมากรณีคุณจุ๊บที่ว่าหมุนที่เพลาข้างนึง แล้วอีกข้างนึงจะหมุนทวนกัน ผมว่าอันนี้มันเหมือนรถปกติธรรมดาที่ไม่มี LSD แล้วที่คุณจุ๊บบอกว่าหมุนที่เพลากลางแล้วล้อสองข้างหมุนไปทางเดียวกัน อันนี้ผมว่าน่าจะเป็นปกติเหมือนๆกันทุกคันนะ เพราะเวลาที่เครื่องยนต์ทำงาน กำลังจากเครื่องยนต์จะถ่ายมายังระบบเกียร์และลงล้อโดยผ่านเจ้าเพลากลางนี้ ที่นี้ถ้าเพลากลางหมุนแล้วล้อสองข้างหมุนไปคนละด้าน รถมันก็จะไม่วิ่งไปข้างหน้าสิ (งงไหมครับ) ดังนั้นเป็นไปได้ที่ LSD ของคุณจุ๊บนั้นเป็นแบบ Torsen LSD คือลองหมุนเฉยอาจจะดูไม่ออก ต้องลองใส่เข้าไปแล้วลองซิ่งดูถึงจะรู้r
eply 81 : por LSD standard(อัตราทดเฟืองท้าย4.3)ของNA6 เป็นCluth LSD จับตลอด(มีอายุการใช้งานเพราะCluthหมดได้) แต่จับน้อยกว่าLSDของแต่ง
ส่วนLSD standardของNA8(อัตราทดเฟืองท้าย4.1)และNB(อัตราทดเฟืองท้าย3.9และ3.6) เป็นTorsen LSD จับเมื่อมีแรงบิด
ฉะนั้น LSD แบบนี้ต้องดูที่specรถที่ถอดมา หรือลองใส่แล้วขับดูครับ อย่างรถพี่ยุ่งใส่แล้วรู้สึกได้ และปลายก็ไหลไปเกิน200เลย เพราะอัตราทดเฟืองท้ายเป็น3.9(ของเดิมNA8เป็น4.1)
พี่จุ๊บลองใช้ดูแล้วออกตัวแรงๆ หรือออกจากโค้งแรงๆ จะรู้สึกว่ารถทรงตัวได้ดีขึ้น ออกจากโค้งได้ง่ายดายครับ
reply 82 : Rooster ขอบคุณน้องๆทุกคนที่ให้คำแนะนำครับ
จากที่ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมใน miata.net กับ clubroadster.net ได้ความรู้เพิ่มเติมว่า LSD แบบ 1.6 นั้นเป็นแบบ Viscous LSD เครื่อง 1.8 เป็น Torsen LSD โดยทั่วไปแล้ว Torsen LSD เมื่อหมุนเพลาข้างๆใดข้างหนึ่งแล้ว อีกข้างมันจะต้องหมุนไปในทิศทางเดียวกันเสมอ (เพราะ Diff. มันจะล็อกในทันที) แต่ใน Torsen LSD ของ Miata ไม่เหมือนกัน เค้าเรียกมันว่าเป็นแบบ Open Differential LSD ที่จะทำการล็อกก็ต่อเมื่อเกิดการขืนเท่านั้น เหมือนที่คุณ Mai บอก
ผมลองหมุนที่เพลาข้างหนึ่งแล้วออกแรงขืนเพลาอีกข้างไม่ให้หมุนไปทางตรง กันข้าม ปรากฏว่ามีเสียงแก๊ก แล้วเพลาข้างที่โดนขืนบังคับไว้กลับหมุนไปในทิศทางเดียวกัน แบบว่า On Demand (เมื่อจำเป็น) ทำให้การขับรถที่เป็น Open Diff. ขับได้ง่ายขึ้นไปอีก แตกต่างจาก LSD โดยทั่วไป (อันนี้ต้องขอบคุณคุณปอที่แนะนำให้ทดลองขืนเพลาอีกข้างดู) จากข้อมูลใน web ที่อ่านเจอ เห็นส่วนใหญ่จะบอกว่า It's a Must to have LSD put on Miata เพราะใส่แล้วจะเหมือนการได้ขับรถอีกคันที่คุณไม่เคยขับและไม่รู้จัก Miata มาก่อน ทั้งอุปนิสัยของรถ กับวิธีการขับรถของคุณก็จะเปลี่ยนไป ไม่จำเป็นต้องเป็นรถแต่งเท่านั้นนะครับที่ใส่ได้ เพราะ Miata ทุกคันที่พวกเราขับ ล้วนแต่มี Racing DNA อยู่แล้ว
แหะๆ...ข่าวไวเหมือนรถที่ขับเลยนะคุณอู้
ตอนนี้ก็ใกล้เข้าไปทุกขณะแย้ว...จูนโอเคไปแล้ว คลัชดันลื่นซะอีก เลยไปหาซื้อ Clutch Exedy (single plate) มาใหม่ (ต้องขอบคุณ คุณ Mai ที่แนะนำ)
หลังยกคลัชเสร็จ ใส่LSD เสร็จก็น่าจะไม่เกินวันเสาร์นี้ (จะได้เอากลับบ้านซะที ไม่ได้ขับมา 3อาทิตย์แล้ว)
มาดูรูปกันเพลินๆก่อน
ใหม่แกะกล่อง
Clutch cover + clutch pads
ที่แท้ทองแดง...เอ้ย..คลัชทองแดงหน้าตาแบบนี้หรือตัวเองงง...
จับมาบะกัน หน้าตาน่าจะประมาณนี้....
เมื่อเช้าได้รับข่าวดีจากคุณจุ๊ฟเรียกให้เข้าไปลองรถได้ละ เก็บสายไฟเรียบร้อย ถ้าผมลองเสร็จเดี๋ยวคืนนี้จะยกคลัชต่อกับใส่เต็ด บ่ายโมงเลยเข้าไปลองตามคำเชิญ
ตัดมาที่อู่....พอเริ่ม Start เสร็จรอวอร์มเครื่อง บรื้ม....เสียงเครื่องเปลี่ยนไปแฮะ เหมือนเด็กนิสัยเกเรเลย ท่อไอเสียก็ออกเสียงแปลกๆ เอาหล่ะได้เวลาลองแล้ว ออกตัวไปช้าๆกับรอบ 1000เศษๆ ก็ถนนซอยขรุขระนี่...รถวิ่งชักกระตุกครับเวลาคลานช้าๆ (ไง๋เป็นงี้หล่ะ...ใจเริ่มไม่ค่อยดี) ซัก 40 ม.ก็คลานออกถนนครับ
ออกปากซอยก็ค่อยๆวิ่งไปตามรอบ มือก็ปรับเบาะปรับกระจกต่างๆให้ตรงกับตัวเราที่สุด (ก็คนละไซส์กับคุณจุ๊ฟอ่ะ) วิ่งไปได้ซัก 100ม. เอาหล่ะ เริ่มเข้าที่เข้าทาง ที่เกียร์ 3 ก็ลากรอบต่อจาก 3000รอบ เข็มวัดรอบก็เริ่มกวาดขึ้นตามลำดับจนถึง 6000รอบก็เปลี่ยนเกียร์ ความรู้สึกที่ได้คือความราบลื่นไหลไปแบบยังไม่ปรู้ดปร้าดเท่าไหร่ (มาจากคลัชจับไม่อยู่ ทั้งๆที่เพิ่งเปลี่ยนคลัชไปไม่ถึง 3000โล หากกระแทกแรงๆลงไปจะมีอาการรอบไปก่อนซักพักรถจึงวิ่ง)
กลับรถที่ไฟแดง ชลอให้รถที่วิ่งสวนมาไปให้เหลือน้อยๆก่อน เอาหล่ะมาเริ่มต้นใหม่ ออกตัวที่เกียร์ 1 แบบเกรงใจร้านค้าริมถนน ระหว่างนั้นเกิดเปลี่ยนใจเป็นกระแทกคันเร่งลงไป อย่างรวดเร็ว (เอาว่ะ..ใครด่าก็ช่างมัน ตรูจะลองรถนี่หว่า) ตูดห้อยครับ หน้าลอย รถพุ่งต่อไปจนถึง 7000รอบ รีบตบเข้าเกียร์ 2 เสียงเอี๊ยดของยางดังลั่น พร้อมกับอาการเลื้อยนิดๆ ลากต่อไปถึง 6000รอบ หน้าผมเริ่มยิ้มแล้วครับ กับอาการรถหน้าลอยตูดห้อย เพราะแรง torque ที่เกิดขึ้นมากกว่าการเปลี่ยนแคมอย่างเดียวอย่างเห็นได้ชัด วิ่งตรงไปอีก2-3 กิโลแบบเรื่อยๆเพราะรถราเริ่มเยอะ หน้าผมยังอมยิ้มไม่หุบเลยครับ (เจ๋งจริงๆ) ตรงไปกลับรถอีกทีที่ไฟแดงเพื่อเข้าอู่ กลับรถปุ๊บกดต่อครับ มันส์อีกแล้วกับอาการดึงเหมือนรถมันเบามากๆเลย เอี๊ยดที่สุดเกียร์ 1 ที่ 7000รอบเหมือนเดิมพร้อมกับการดึงของรถไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง เลนกลางมีรถบรรทุกวิ่งช้าอยู่ เลนขวาสุดมีรถ Taxiอยู่ ตบออกซ้ายจากเลนกลาง ด้านหน้าไม่ไกลมีรถกระบะจอดซื้อของริมถนนอยู่ ลองกดเร่งแซงดูครับ ชั่วพริบตา แซงได้ดั่งใจไม่ต้องลุ้นครับซักพักก็กลับมาถึงอู่ที่มีคุณจุ๊ฟรอฟังผลอย่างใจจดใจจ่อ
ผมลงจากรถพร้อมรอยยิ้มของความพอใจ เล่าความรู้สึกที่ลองมา พลางก็ว่า โอโห...แรงฉิบหาย คุณจุ๊ฟปากคาบบุหรี่ทำตาหยีๆ ถามผมว่าเปลี่ยนเกียร์ที่กี่รอบ ผมก็ตอบว่าไม่เกิน 7000รอบ แล้วแกก็บอกว่าได้ตั้งให้กล่องตัดที่ 7500รอบ พร้อมถามว่าพอใจไหม ผมว่าก็โอแล้วนะ คุณจุ๊ฟแกว่ายังไม่แรงถึงที่สุดในความรู้สึกแก เดี๋ยวรอเปลี่ยนคลัชกับใส่เต็ดคืนนี้ให้เสร็จ รถน่าจะเปลี่ยนไปอีก แล้วก็จะนัดไปจูนบนไดโนอีกที น่าจะแรงได้มากขึ้นอีก ผมก็ตอบกลับไปว่าแค่นี้ผมก็ happy มากๆแล้ว ถ้าแรงขึ้นได้อีก ผมก็ถือเป็น bonus แล้ว
สรุปเบื้องต้นว่ามันส์มากครับ เดี๋ยวไว้เสร็จสมบูรณ์ 100% จะรายงานอีกทีครับ
เฮ้อ..พิมพ์จนเหนื่อยแล้วครับ อ่านยากหน่อย บรรยายไม่เก่ง ทนๆอ่านนะครับ
หลายๆคนคุ้นเคยกับมันดี มันเป็นผู้ร้ายสำหรับหลายคนที่โมฯรถอยู่
มันก็คือ แอร์โฟร์ นี่เอง
แต่ตอนนี้มันมานั่งอยู่ที่ออฟฟิศผมแล้ว พร้อมๆกับได้ม้าลงพื้น 4-5ตัว เพิ่มไว้ในกระโปรงรถผมครับ
ไอ้เจ้ากากบาทที่อยู่ตรงกลางนี่แหละที่จำกัดการไหลเข้าไปในท่อร่วมไอดีของ อากาศ (ตอนนี้ที่รถผมเปลี่ยนเปลี่ยนท่อแสตนเลสรูกลางโล่งๆแทน ดูดอากาศเปลี่ยนจากเสียงดูดหลอดกาแฟธรรมดา กลายหลอดดูดชาไข่มุกไปเลยครับ ...อิอิ...)
รายงานต่อครับ
FCon VPro 3.1 กับ Harness เจ้าปัญหา ทำให้งานล่าช้าครับ
ไม่ใช้แอร์โฟร์แล้วครับ เป็น Map Sensor แทน
จุดที่แอร์โฟร์เคยอยู่ ถูกแทนที่โดยท่อเหล็กสั่งกลึงเฉพาะครับ
ตัดข้ามมาตอนไปใส่ LSD แบบ torsen differential ครับ ภายในเป็น worm gear (เฟืองตัวหนอน) ดูไงก็ไม่เหมือนหนอน
มีน้องหนิมติดมาด้วยครับ ต้องล้างกันใหม่หมดน้ำกับน้องหนิมไป 2 ที เอ้ย..2 กระป๋อง (แค่ 500กว่าบาทเองงงง) อ้อ..น้ำที่ว่าน้ำยาล้างทำความสะอาดอะครับ
กลัวหนอนกัด เลยต้องหาอะไรมาชี้แทน
แม่เหล็กเล็กๆที่น็อตปิดก้นอ่างเฟืองท้าย มีไว้ดูดเศษเหล็กที่เกิดการกัดและเสียดสีระหว่างเฟือง ถ้าพบเศษเยอะแสดงว่าใกล้ต้องเปลี่ยนลูกใหม่แย้ววว..
ใกล้นะช่างคิดเสียจิง...
ใกล้นะช่างคิดเสียจิง...
พิมพ์ผิดครับ เป็น ใครนะช่างคิดเสียจิง...
ประกอบกลับเข้าไปพอดีเป๊ะเลย ในรูปยังใส่ไม่เสร็จดี
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเกิดอาการคันอยากรู้ว่าเจ้า Rooster ของผมได้ม้ามาซักกี่ตัวจากโปรเจกนี้ เลยแวะไปขึ้นไดโนที่ HKS มา
ติดตามดูผลที่ได้เลยครับ
ม้าที่วัดได้ลงพื้น 126.8 ตัว (let's say 127)ที่รอบเครื่อง 6500 รอบ (น้อยไปนิด)
Torque ที่ได้ 17 kg/m ที่ 3900 รอบ (อันนี้มันสูงเว่อร์ไปเลย)
ผลที่ได้นี้เกิดจากการจูนบนถนนล้วนๆ คาดว่าถ้าได้จูนบนไดโนผลที่ได้น่าจะดีกว่านี้อีกพอสมควร
อ้อ..ในกราฟเปรียบเทียบกับแรงม้าครั้งก่อนตอนที่เปลี่ยนแค่แคมอย่างเดียวครับ
จากนั้นก็เลยเช็คกำลังอัดในและสูบที่ HKS ไปเลยได้ผลตามที่บันทึกไว้
กลับมารายงานอีกครั้งครับ
หลังจากครั้งหลังสุดไปจูนที่บนไดโน power lab ได้ม้ามาอีกแค่ 2 ตัว ได้มีการลงความเห็นว่าท่ออั้นมาก 3วันก่อนจึงเอาไปให้พี่ตี๋ที่ซอยนวลจันทร์ทำให้ ปรากฏว่าท่ออั้นไปจริงๆด้วย รอยต่อเยอะเดี๋ยวใหญ่เดี๋ยวเล็ก เลยให้เปลี่ยนตั้งแต่หลังเฮดเดอร์ mazdaspeed ไปถึงท่อปลายป็นขนาด 2.2 นิ้ว คาดว่าท่อชุดนี้น่าจะทำให้ม้าไปมากขึ้น แต่ต้องจูนใหม่อีกรอบ แล้วจะรายงานอีกที (หลังๆไค่อยได้ขับครับ เลยดองเรื่องทำท่อใหม่ไว้ตั้งนาน)
มารายงานครับ
ทำท่อเสร็จนัดคุณ jufe จูนเก็บเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันเสาร์ไปรับรถคืนมา เครื่องเดินเรียบมากแทบจะเหมือนรถ standard มีเพียงท่อที่ดังเท่านั้น (แต่ก็ไม่ดังมากจนรับไม่ได้) ความรู้สึกที่ขับก็แรงขึ้นนะครับ ลื่นขึ้นมากๆๆ คิดว่าแรงม้าน่าจะเพิ่มเป็น 130 นิดๆ แรงดึงที่เคยมีกลับรู้สึกน้อยลง จากเดิมที่จะรู้สึกดึงมากช่วงรอบเครื่อง 3500-5000 กลับกลายเป็นดึงน้อยๆแต่ไปเรื่อยๆถึง 7000รอบ
วันนี้ว่างช่วงบ่ายเลยเอารถไปขึ้นไดโนที่ HKS มาครับ ม้าได้ขึ้นมามากจนผมงง นึกว่ามีอะไรผิดปกติ ครั้งแรกวัดได้ 139 ตัว แรงบิด 17.1 kg/m เลยขอลองใหม่ ครั้งที่ 2 วัดได้ 140 ตัวแรงบิดเท่าเดิม งงครับเพราะแค่ทำท่อใหม่ตั้งแต่เฮดเดอร์ไปถึงท่อพักปลายกับจูนแต่งอีกนิด หน่อย อ้อ..มีตั้งแคมอีกนิด ไม่น่าจะได้มากขึ้นตั้ง 14 ตัว (เดิมตอนเปลี่ยนลูกมาใหม่ๆนี่ ได้แค่ 127 ตัวเอง เพิ่มขึ้น จากเปลี่ยนแคม 8 ตัว) แล้วผมก็ขอให้วัดครั้งที่ 3 ผลออกมาได้ 141.1 ตัว กับแรงบิดเท่าเดิม 17.1kg/m โอ้โห... happy มากๆครับ ไอ้ที่ขับแล้วไม่ค่อยรู้สึกดึงกลับกลายเป็นว่าเครื่องดึงแบบกว้างๆนิ่มๆ ส่วนม้าที่เพิ่มมานั้นก็สืบเนื่องจากของเก่ามันอั้นมากๆ กราฟแรงม้าเริ่มฉีกตัวออกตั้งแต่ 4200 รอบ และฉีกออกไปอย่างต่อเนื่องจนเกือบ 7000 รอบซึ่งเป็นจุดที่ได้ม้าสูงสุด ทำให้ครั้งนี้ได้ม้ามาอีก 14 ตัวลงพื้นครับ
เท่ากับว่า step นี้ ที่เปลี่ยนลูก ทำฝา ขัดพอร์ท เปลี่ยนกล่อง Fcon V-Pro ได้ม้ามา 22-23ตัว ค่อยรู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่ลงไปเป็นแสนหน่อยครับ
เดิ๋ยวจะเอากราฟมาลงกับจะสรุปว่าโปรเจคนี้ ม้าตัวละเท่าไหร่ครับ
กราฟที่วัดได้
เทียบกับหลังเปลี่ยนลูก แต่ท่ออั้น (ครั้งก่อนทำท่อใหม่)
สังเกตุจุดที่อั้นตั้งแต่ 3000-4000 รอบกราฟเก่าแรงบิดตั้งชันอย่างมาก (นี่ตั้งไปเรื่อยๆแบบนี้นี่...อืมม)
ก็อย่างว่าครับ ไอเสียคายไม่ออก ไอดีก็ดูดไม่เข้า ช่วงนั้นซดน้ำมัน 6 กม/ลิตรครับท่อก็เหม็นน้ำมันมากๆ
ตอนนี้เผาไหม้หมดจรด สตาร์ดรถจอดวอร์มเครื่อง ปลายท่อกลั่นเป็นหยดน้ำเลยครับ (เห็นมากะตาวันไปรับรถ)
รวม 3 กราฟครับ
เปลี่ยนแคม+กล่อง Unichip แรงม้าสูงสุด 118.6 ตัวที่ 6800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.7 กก/ม.ที่ 5000 รอบ/นาที
ลูก,ทำฝา,Fcon Vpro,ท่ออั้น แรงม้าสูงสุด 127.0 ตัวที่ 6800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.1 กก/ม.ที่ 3900 รอบ/นาที
ลูก,ทำฝา,Fcon Vpro,ท่อ 2.2"ตลอด แรงม้าสูงสุด 141.1 ตัวที่ 6900 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.1 กก/ม.ที่ 4800 รอบ/นาที
มาดูค่าใช้จ่ายว่าจะคุ้มกับม้าแต่ละตัวที่เพิ่มขึ้นมั้ย
ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จของโปรเจคนี้ เป็นเงิน 144,320บ. ไม่รวมอีกจิปาถะ เช่นเปลี่ยนคลัชใหม่ ยางแท่นเครื่องใหม่ LSD Limited ฯลฯ
ของที่ใช้ 80% เป็นของเบิกใหม่หมด มีแต่ กล่อง FCon VPro กับ Harness ที่ใช้มือสองครับ
ม้าที่ได้แบบเป๊ะๆ 22.5 ตัว หารกันแล้ว ตกม้าตัวละ 6,414 บ.ครับ
เที่ยวก่อนเปลี่ยนแคม ม้าตัวละแค่ 3,833 บ./ตัว
เห็นได้ชัดว่า step นี้ ม้าแต่ละตัวแพงขึ้นเกือบเท่าตัว
รายจ่ายครั้งนี้ไม่ขอ break down นะครับ ขี้เกียจพิมพ์ด้วย ใครอยากรู้รายละเอียดโทรมาแล้วกัน บอกหมดไม่หมกเม็ด
Up date เรื่อง fuel consumption ครับ
วัดครั้งแรก 7.4กม/ลิตร (กดบ้างเป็นบางครั้ง ขับในเมือง)
วัดครั้งที่สอง 7.6กม/ลิตร (ขับแบบชิวๆ แทบไม่กดเลย ขับในเมืองทั่งไป)
เฉลี่ย 7.5กม/ลิตร เทียบกับของเดิม 1.8 ออกมาก็ 7 กว่าๆเหมือนกัน ก็จัดว่า OK ครับ
อ่านกฏกติกาในการสมัครสมาชิกเวบ
