ผู้เขียน หัวข้อ: ซื้อ "รถมือสอง" มาแล้ว ต้องทำอะไรบ้าง  (อ่าน 3298 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ akeidea

  • สมาชิกที่ส่งหลักฐานแล้ว
  • MIATA Level 4
  • *
  • กระทู้: 337
  • Gift : 6
  • เพศ: ชาย
ซื้อ "รถมือสอง" มาแล้ว ต้องทำอะไรบ้าง
« เมื่อ: มิถุนายน 21, 2010, 08:27:00 PM »
ซื้อ "รถมือสอง" มาแล้ว ต้องทำอะไรบ้าง
คอลัมน์ เพื่อนช่างเพื่อคุณ
โดย ธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
ก็เหมือนชื่อเรื่องนั่นแหละครับ

ผมกลับมารับคนใหม่ตามเคย

ลองคิดดูว่า เมื่อคุณลงทุนซื้อรถยนต์มาใช้สักคัน เป็นคันแรกในชีวิต แต่ไม่ใช่สองคันที่กำลังเป็นสิ่งที่พูดกันอยู่ทั้งเมืองในขณะนี้นะครับ

คือไม่ใช่ฮอนด้าซิตี้และโตโยต้าวิออส ที่เห็นปุ๊บอาจจะหลงรักปั๊บได้ทั้งสองคัน

เพราะรูปร่างน่ารักมาก จนหลายท่านอดใจแทบไม่ไหว

ก็เตือนกันเสียก่อนนะครับ รถเล็กช่วงห่างระหว่างล้อซ้ายกับขวาไม่มากนัก แต่รูปทรงสูงลิ่วอย่างนั้น เป็นสิ่งที่คาดหวังได้เลยแน่นอน ทั้งที่ไม่อยากคาดอยากหวังก็คือ ความโคลงของรถ เมื่อขับเร็วแค่ตามกฎหมายกำหนด และอยู่บนเส้นทางที่มีลมปะทะด้านข้าง เช่น บนทางด่วนบางนา-ชลบุรี หรือทางริมทะเล เช่น ด้านหัวหินลงไปทางใต้

ทั้งสองคันน่าจะโคลงเหมือนกันทั้งคู่

หากคุณไม่อยากให้โคลงนัก ก็อาจจะต้องเปลี่ยน shock absorber และสปริง เพื่อให้มั่นคงขึ้น แต่จะได้ความกระด้างกลับมา เพราะฉะนั้น หากหลวมตัวซื้อไปแล้วก็ทำใจดีกว่าครับ ใช้รถด้วยความเร็วต่ำ หากมีลมปะทะแล้วรถโคลงก็ต้องลดความเร็วลง เพื่อให้ควบคุมง่ายขึ้นเท่านั้นเอง

ว่างๆ จะเขียนเกี่ยวกับการดูลักษณะรถ เพื่อเดาอาการได้บ้างกันเป็นครั้งคราวครับ

วันนี้ขอไปทางเรื่องการเตรียมรถยนต์ใช้แล้วให้ใช้งานได้ต่อไปอย่างสบายใจ บ้างก่อนก็แล้วกัน

มีการเสนอแนะเอาไว้นานแล้วว่า ซื้อรถยนต์ใช้แล้วอายุสักสามปีสี่ปีมาใช้ ควรจะเปลี่ยนของเหลวในรถออกให้หมดเพื่อนับหนึ่งกันใหม่ ของเหลวที่ว่านี่ คืออะไรบ้าง

น้ำมันเครื่อง แน่นอนครับ ควรเปลี่ยนใหม่ ไม่ว่าจะดูว่าน้ำมันนั้นสะอาดมากเพียงไร

เพราะน้ำมันที่สะอาดเอี่ยม อาจจะเป็นน้ำมันที่เพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ หรือเปลี่ยนมานานแล้ว แต่เป็นน้ำมันที่ขาดคุณภาพ ไร้คุณสมบัติในการนำตะกอนมาแขวนลอยในน้ำมัน เพื่อให้ตะกอนเข้าไปค้างอยู่ในกรองน้ำมันเครื่อง หรือไม่มีคุณสมบัติทางการชะล้าง พูดง่ายๆ ว่าเป็นน้ำมันที่เขาเอาไปกรองไปต้มมาให้ใช้กันอีกที แบบน้ำมันปลอมก็ได้ เปลี่ยนออกเสียดีกว่า แล้วเริ่มนับระยะทางกิโลเมตรและวันที่ใช้ใหม่ไปเลย

น้ำมันเบรก ที่อาจจะให้อู่ดีๆ ดูด้วยการตรวจวัดสภาพน้ำมันเบรก หากยังพอใช้ได้ จะใช้ต่อไปก็ได้ แต่หากเปลี่ยนได้โดยไม่เปลืองงบประมาณที่เตรียมไว้นัก ผมว่าเปลี่ยนไปเลยน่าจะดีกว่า

น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย เปลี่ยนไปเลยดีที่สุด เพราะราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับระยะใช้งานที่เกินห้าหมื่นกิโลเมตร

น้ำมันพาวเวอร์พวงมาลัย เปลี่ยนไปดีที่สุดครับ

น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ อันนี้ควรเปลี่ยนใหม่เลย โดยการไล่น้ำมันเก่าออกแล้วใส่น้ำมันใหม่เข้าไปดันความสกปรกออกจากตัวเกียร์ เสียให้หมด

แล้วก็มาถึงน้ำระบายความร้อน ที่เราคงต้องพูดกันยาวสักนิดครับ

น้ำระบายความร้อนของรถยนต์อายุสามสี่ปี ที่ผู้ใช้คนแรกมักจะเข้าศูนย์บริการเป็นประจำ ก็จะเป็นน้ำสี สีแดงหรือเขียวก็แล้วแต่ อันเป็นน้ำที่ผสมน้ำยารักษาหม้อน้ำ และช่วยทำให้การเดือดของน้ำเลื่อนอุณหภูมิออกไป ตามด้วยการไม่แข็งตัวของน้ำ

น้ำยานี้เป็นสิ่งสำคัญมากในการรักษาเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้อะลูมิเนียมเกิดการเป็นตะกรันออกมาจากผิว และช่วยรักษาไม่ให้เหล็กเป็นสนิม

ไม่ว่าท่านจะได้ยินจากใครที่ใดมาก็ตามว่าใช้รถมาเป็นสิบปี เติมน้ำธรรมดาเท่านั้น ไม่เห็นเป็นอะไร อย่าเชื่อครับ

อย่าเชื่อเด็ดขาด

เพราะผู้ที่บอกกับท่านอย่างนั้นมักจะเป็นคนที่ไม่รักรถ ไม่เคยตรวจดูสนิมในระบบระบายความร้อนของรถที่ตัวเองใช้อยู่เลย หรือไม่อย่างนั้นก็ไม่เคยใช้รถคันใดเกินกว่าสองปี ทำให้ไม่รู้ผลของการใช้น้ำไม่ว่าจะสะอาดอย่างไรใส่เข้าไปในระบบระบายความ ร้อนของรถยนต์

และที่แน่ๆ ก็มักจะเป็นผู้มีความกดดัน ไม่รู้จะระบายออกอย่างไร เลยนำเรื่องราวที่ตัวเองก็ไม่รู้จริงมากล่าวบอกเล่ากับคนอื่น ในที่ที่ทำได้ เพื่ออะไรก็ไม่แน่ชัด แต่อย่าหลงหลวมตัวไปฟังไปเชื่อเข้านะครับ

รถยนต์คันหนึ่งๆ ราคาสูงกว่าการรักษาเครื่องยนต์ด้วยน้ำสะอาดมากมายนัก

ดังนั้น ตรวจดูครับ ถ้าหากน้ำระบายความร้อนของท่านมีน้ำยาอยู่ดีและไม่มีสนิมปรากฏก็ควรเปลี่ยน น้ำยาได้แล้ว เพราะน้ำยานั้นมักจะใช้ได้ทนทานนานประมาณหนึ่งปีหรือสองปีเป็นอย่างมาก

ถ่ายน้ำออกแล้วเปลี่ยนน้ำใหม่ ใช้น้ำสะอาดผสมกับน้ำยาตามสัดส่วนที่ระบุไว้ข้างกระป๋อง อย่าให้มากกว่าที่ระบุไว้นะครับ เพราะน้ำยาล้วนๆ ทั้งหมดเองไม่ได้ช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีเท่ากับมีน้ำอยู่ด้วย

เปลี่ยนใหม่นี่จะใช้น้ำยาอะไรผสมก็ได้ แต่ควรจะใช้น้ำยาผสมนะครับ

ผมมักเลือกใช้ Peak หรือน้ำยาของโตโยต้า ฮอนด้า วอลโว่ และเบนซ์ อย่างใดอย่างหนึ่งที่ผมจะเลือกใช้ตามสะดวก คือหาอะไรในสี่ห้าอย่างที่ว่านี่ได้ ก็ใช้อันนั้นแหละครับ เพราะเท่าที่พบมาเป็นน้ำยาที่ใช้ได้กับเครื่องยนต์อะลูมิเนียม และเหล็กเป็นอย่างดีทั้งหมด

ใช้ผสมกับน้ำ ปกติน้ำยาที่ผมบอกจะผสมกับน้ำในอัตราหนึ่งต่อหนึ่ง คือน้ำหนึ่งกระป๋องน้ำยา กับน้ำยาหนึ่งกระป๋อง

และเวลาจะเติมน้ำ หากน้ำลงๆไปก็ใช้น้ำสะอาดจากไหนก็ได้ครับ เติมลงไปเท่านั้นก็พอ ไม่ต้องเลือกน้ำกลั่น น้ำประปา น้ำฝน น้ำกรองอะไรหรอก

ขอให้เป็นน้ำที่สะอาดดีเท่านั้น ก็พอแล้วครับ
ที่ มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

premed

  • บุคคลทั่วไป
Re: ซื้อ "รถมือสอง" มาแล้ว ต้องทำอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2010, 09:02:39 PM »
มีประโยชน์มากเลยครับ

ขอบคุณครับ